วันนี้เราได้มีโอกาสได้ร่วมพูดคุยกับบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในสายงาน HR และอยู่ในสายงาน HR มากกว่า 10 ปี
ยินดีตอนรับพี่แบงค์ ธนากร เจ้าของบริษัท I am hr consultant
อยากให้เล่าถึงประวัติการเริ่มทำงานสายงาน HR ว่าเริ่มต้นมาได้อย่างไร ?
พี่แบงค์ : พี่เริ่มจากการเข้าทำงานเป็น HR ในบริษัท มีหน้าที่ดูแลเรื่องงานพื้นฐานทั่วๆไปของสายงาน HR เช่น ตรวจสอบเวลาเข้าออกงาน,เรื่องเอกสารต่างๆ เริ่มจากการเป็นจูเนียร์แล้วก็เก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆครับ
จบสายนี้โดยตรงหรือไม่และทำไมถึงสนใจในสายงาน HR ?
พี่แบงค์ : ไม่ครับ พี่จบคณะรัฐประศาสนศาสตร์ เริ่มจากพี่ก็มีการไปปรึกษาเพื่อนและพี่ๆร่วมคณะว่า คณะเราสามารถทำอาชีพอะไรได้บ้าง? อันดับแรกคือราชการ แต่ด้วยสนตัวพี่ไม่ชอบงานราชการแต่ไม่ใช้ไม่ดีนะครับ แต่เป็นเหตุผลส่วนตัวเราก็ตัดออกไปแล้วหนึ่งตัวเลือก ตัวเลือกต่อไปคือ งานธุรการ และอันดับสุดท้ายคืองาน HR พี่เลยตัดสินค้าเลือกสายงาน HR เนี่ยแหละ จากนั้นเรียนจบก็หาสมัครงานในสายงาน HR มาตลอดครับจนถึงปัจจุบัน
ปัญหาที่พบบ่อยในสายงาน HR ?
พี่แบงค์ : ปัญหาที่พบบ่อยคือปัญหาจากตัวหัวหน้างาน เขาจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับงานการบริหารงานบุคคล ในด้านของพวกกฎหมายแรงงานอะไรต่างๆ หรือเป็นเรื่องของการเจรจาพูดคุยกับลูกน้อง การที่จะประเมินลูกน้อง ส่วนใหญ่เขาก็จะกลัวการทำไม่ดีกับลูกน้องแล้วกลัวลูกน้องจะไม่รัก ส่วนใหญ่หัวหน้าเขาจะกลัวลูกน้องไม่รักเพราะฉะนั้นเขาจะประคบประหงม เช่นกรณีมีลูกน้องเขียนลามาแต่ไม่ได้ลาจริงแต่เหมือนรู้แต่ก็ต้องปล่อยไปเพราะกลัวลูกน้องไม่รัก แต่มองดูเหมือนมันไม่ใช่ปัญหานะแต่นานๆไปมันจะเกิดปัญหาขึ้นกับเรื่องพวกนี้พามันสะสมบ่อยๆพอเรื่องมีแดงขึ้นมา เราก็ต้องลงไปจัดการกับปัญหานี้
มุมมองในเรื่องของ Trust ในมุมของสายงาน HR เป็นอย่างไร ?
พี่แบงค์ : ถ้าในสายงาน HR เรื่อง Trust จะมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะงานบุคคลมีทั้งข้อมูลส่วนตัวพนักงาน เงินเดือนรวมไปถึงข้อมูลสำคัญต่างๆของบริษัททั้งนั้นในการทำงานเราต้องมีความ Trust ที่จะไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล และใน Trust เรื่องต่อไปคือ การนำเสนอข้อมูลเพราะในแต่ละเดือนเราต้องมีการนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องคน เช่น ค่าจ้าง กฎหมายแรงงาน ในทุกๆเดือนจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งดังเราต้องเป็นคนที่อัปเดตข่าวสาร เพื่อนำเสนอข้อมูลที่อัปเดตทันเหตุการณ์และถูกต้องเสมอ การนำเสนอถูกครั้งมันจะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเราเองทั้งนั้นการนำเสนอถูกครั้งต้องถูกต้องและแม่นยำ
พี่แบงค์ : พี่เริ่มจากการเข้าทำงานเป็น HR ในบริษัท มีหน้าที่ดูแลเรื่องงานพื้นฐานทั่วๆไปของสายงาน HR เช่น ตรวจสอบเวลาเข้าออกงาน,เรื่องเอกสารต่างๆ เริ่มจากการเป็นจูเนียร์แล้วก็เก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆครับ
จบสายนี้โดยตรงหรือไม่และทำไมถึงสนใจในสายงาน HR ?
พี่แบงค์ : ไม่ครับ พี่จบคณะรัฐประศาสนศาสตร์ เริ่มจากพี่ก็มีการไปปรึกษาเพื่อนและพี่ๆร่วมคณะว่า คณะเราสามารถทำอาชีพอะไรได้บ้าง? อันดับแรกคือราชการ แต่ด้วยสนตัวพี่ไม่ชอบงานราชการแต่ไม่ใช้ไม่ดีนะครับ แต่เป็นเหตุผลส่วนตัวเราก็ตัดออกไปแล้วหนึ่งตัวเลือก ตัวเลือกต่อไปคือ งานธุรการ และอันดับสุดท้ายคืองาน HR พี่เลยตัดสินค้าเลือกสายงาน HR เนี่ยแหละ จากนั้นเรียนจบก็หาสมัครงานในสายงาน HR มาตลอดครับจนถึงปัจจุบัน
ปัญหาที่พบบ่อยในสายงาน HR ?
พี่แบงค์ : ปัญหาที่พบบ่อยคือปัญหาจากตัวหัวหน้างาน เขาจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับงานการบริหารงานบุคคล ในด้านของพวกกฎหมายแรงงานอะไรต่างๆ หรือเป็นเรื่องของการเจรจาพูดคุยกับลูกน้อง การที่จะประเมินลูกน้อง ส่วนใหญ่เขาก็จะกลัวการทำไม่ดีกับลูกน้องแล้วกลัวลูกน้องจะไม่รัก ส่วนใหญ่หัวหน้าเขาจะกลัวลูกน้องไม่รักเพราะฉะนั้นเขาจะประคบประหงม เช่นกรณีมีลูกน้องเขียนลามาแต่ไม่ได้ลาจริงแต่เหมือนรู้แต่ก็ต้องปล่อยไปเพราะกลัวลูกน้องไม่รัก แต่มองดูเหมือนมันไม่ใช่ปัญหานะแต่นานๆไปมันจะเกิดปัญหาขึ้นกับเรื่องพวกนี้พามันสะสมบ่อยๆพอเรื่องมีแดงขึ้นมา เราก็ต้องลงไปจัดการกับปัญหานี้
มุมมองในเรื่องของ Trust ในมุมของสายงาน HR เป็นอย่างไร ?
พี่แบงค์ : ถ้าในสายงาน HR เรื่อง Trust จะมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะงานบุคคลมีทั้งข้อมูลส่วนตัวพนักงาน เงินเดือนรวมไปถึงข้อมูลสำคัญต่างๆของบริษัททั้งนั้นในการทำงานเราต้องมีความ Trust ที่จะไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล และใน Trust เรื่องต่อไปคือ การนำเสนอข้อมูลเพราะในแต่ละเดือนเราต้องมีการนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องคน เช่น ค่าจ้าง กฎหมายแรงงาน ในทุกๆเดือนจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งดังเราต้องเป็นคนที่อัปเดตข่าวสาร เพื่อนำเสนอข้อมูลที่อัปเดตทันเหตุการณ์และถูกต้องเสมอ การนำเสนอถูกครั้งมันจะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเราเองทั้งนั้นการนำเสนอถูกครั้งต้องถูกต้องและแม่นยำ
คิดว่า Trust มีผลต่อการทำงานของพนักงานอย่างไร ?
พี่แบงค์ : มีแน่นอนครับ เพราะว่า Trust จะแฝงโดยที่เราไม่รู้ตัว เช่นพนักงานอย่างน้อยต้องมีการประสานงานกันระหว่างแผนก Trust จะแฝงอยู่ในการประสานงานถ้าการประสานงานมีข้อมูลที่ถูกต้องงานนั้นมีปัญหาอะไรขึ้นบ้าง ไม่ปิดบังปัญหามันก็จะไม่ทำให้เกิดปัญหา ในการทำงานหรือมีน้อยที่สุดแต่ถ้าการประสานงานนั้นไม่มีความตรงไปตรงมาปิดบังปัญหาในครั้งต่อๆไป เราต้องประสานงานกับคนนี้เองความ Trust ความเชื่อใจมันจะน้อยลงมีการตั้งกำแพงมากขึ้นมีคำถามเยอะขึ้นอาจจะทำให้อีกคนไม่พอใจ จนทำให้ขึ้นขอพิพาทในการทำงานอีก ตั้งนั้น Trust จะแฝงอยู่กับเราตลอดไม่ว่าจะทำอะไร ดังนั้นคิดว่าTrust สำคัญมากๆต่อการทำงานของพนักงาน
มีเทคนิคการสร้าง Trust อย่างไรให้กับลูกค้า ?
พี่แบงค์ : เทคนิคง่ายๆเลยครับ คือความมอบความจริงใจ การตรงไปตรงมากและรักษาคำพูด เมื่อเรารับงานมาถ้ามีปัญหาตรงไหนควรแจ้งให้ลูกค้าทราบ ไม่ควรปิดบังปัญหา และยอมรับความผิดเมื่อทำผิดพลาด และรีบแก้ไขทันที พี่เองก็ทำแบบนี้ตลอด เพราะมันทำให้เห็นว่าการทำแบบนี้มันได้ผล มีลูกค้าที่เป็นลูกค้าประจำที่มีการจ้างงานกันมาอย่างยาวนาน แสดงว่าลูกค้ามีความไว้วางใจในการทำงานของเรา
มีอะไรฝากถึงผู้ฟังเกี่ยวกับเรื่อง Trust บ้าง ?
มันคือความเชื่อใจ มันเกิดขึ้นและแฝงอยู่ตลอดเวลาดังนั้น การสร้าง Trust ที่ดีที่สุด คือการตรงไปตรงมาและรักษาคำพูด เพื่อสร้างเครดิตให้กับตนเองทำให้คนที่เราร่วมงานด้วยมีความไว้วางใจและเชื่อใจในการร่วมงานกัน
" การมอบ Trust กับลูกค้า คือ การตรงไปตรงมาเรื่องงาน ที่ได้ตกลงกัน และเราทำตามที่พูดไว้เสมอ เช่น " การส่งงาน " ต้องตามกำหนดและต้องได้คุณภาพด้วย ซึ่งนั่นคือเทคนิคการมัดใจลูกค้าของผม "
คุณแบงค์ ธนากร
I am hr consultant
พี่แบงค์ : มีแน่นอนครับ เพราะว่า Trust จะแฝงโดยที่เราไม่รู้ตัว เช่นพนักงานอย่างน้อยต้องมีการประสานงานกันระหว่างแผนก Trust จะแฝงอยู่ในการประสานงานถ้าการประสานงานมีข้อมูลที่ถูกต้องงานนั้นมีปัญหาอะไรขึ้นบ้าง ไม่ปิดบังปัญหามันก็จะไม่ทำให้เกิดปัญหา ในการทำงานหรือมีน้อยที่สุดแต่ถ้าการประสานงานนั้นไม่มีความตรงไปตรงมาปิดบังปัญหาในครั้งต่อๆไป เราต้องประสานงานกับคนนี้เองความ Trust ความเชื่อใจมันจะน้อยลงมีการตั้งกำแพงมากขึ้นมีคำถามเยอะขึ้นอาจจะทำให้อีกคนไม่พอใจ จนทำให้ขึ้นขอพิพาทในการทำงานอีก ตั้งนั้น Trust จะแฝงอยู่กับเราตลอดไม่ว่าจะทำอะไร ดังนั้นคิดว่าTrust สำคัญมากๆต่อการทำงานของพนักงาน
มีเทคนิคการสร้าง Trust อย่างไรให้กับลูกค้า ?
พี่แบงค์ : เทคนิคง่ายๆเลยครับ คือความมอบความจริงใจ การตรงไปตรงมากและรักษาคำพูด เมื่อเรารับงานมาถ้ามีปัญหาตรงไหนควรแจ้งให้ลูกค้าทราบ ไม่ควรปิดบังปัญหา และยอมรับความผิดเมื่อทำผิดพลาด และรีบแก้ไขทันที พี่เองก็ทำแบบนี้ตลอด เพราะมันทำให้เห็นว่าการทำแบบนี้มันได้ผล มีลูกค้าที่เป็นลูกค้าประจำที่มีการจ้างงานกันมาอย่างยาวนาน แสดงว่าลูกค้ามีความไว้วางใจในการทำงานของเรา
มีอะไรฝากถึงผู้ฟังเกี่ยวกับเรื่อง Trust บ้าง ?
มันคือความเชื่อใจ มันเกิดขึ้นและแฝงอยู่ตลอดเวลาดังนั้น การสร้าง Trust ที่ดีที่สุด คือการตรงไปตรงมาและรักษาคำพูด เพื่อสร้างเครดิตให้กับตนเองทำให้คนที่เราร่วมงานด้วยมีความไว้วางใจและเชื่อใจในการร่วมงานกัน
" การมอบ Trust กับลูกค้า คือ การตรงไปตรงมาเรื่องงาน ที่ได้ตกลงกัน และเราทำตามที่พูดไว้เสมอ เช่น " การส่งงาน " ต้องตามกำหนดและต้องได้คุณภาพด้วย ซึ่งนั่นคือเทคนิคการมัดใจลูกค้าของผม "
คุณแบงค์ ธนากร
I am hr consultant