คุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่ ? เมื่อต้อง Work From Home
ช่วงนี้สถานการณ์โควิด – 19 ในประเทศไทยระบาดอย่างหนัก จึงทำให้หลายองค์กรนั้นมีนโยบายให้พนักงาน Work From Home เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด – 19 นั่นเอง หลายคนอาจจะชอบกับการที่ต้องทำงานอยู่ที่บ้าน แต่ก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่รู้สึกในว่าการทำงานที่บ้านนั่นรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย จากปัจจัยหลายๆอย่างที่เกิดขึ้น เนื่องจากลักษณะความเป็นอยู่ทางบ้านไม่เหมาะต่อการทำงาน ไม่มีโต๊ะทำงาน หรืออุปกรณ์ในการทำงานที่ขาดความพร้อม จึงส่งผลให้เกิดอาการเหล่านี้
เหงา / โดดเดี่ยว
หลายคนอาจไม่ชอบที่จะต้องทำงานคนเดียวที่บ้าน เพราะรู้สึกอึดอัด คับแคบ มองไปทางไหนก็เจอมุมเดิมๆ ไม่ได้พบปะเพื่อนร่วมงาน เกิดการพูดคุย เหมือนตอนอยู่ในออฟฟิต จึงส่งผลทางด้านความรู้สึกเป็นอันดับแรก ทำให้เกิดความเหงา รู้สึกขาดที่พึ่งเมื่อต้องการคำปรึกษาแบบเร่งด่วน หรือการพูดคุยในเรื่องทั่วๆไปเพื่อเป็นการผ่อนคลาย เมื่อสถานการณ์บังคับให้เราต้องปฏิบัติแบบนี้ อาการเหล่านี้จะค่อยๆมีผลกระทบต่อเราเองเรื่อยๆ ยิ่งถ้าเราปล่อยไว้ นานๆโดยไม่หาสิ่งอื่นมาทดแทน หรือแก้ไข นั่นอาจเป็นฉนวนสำคัญที่ทำให้เราเป็นโรคซึมเศร้าแบบไม่รู้ตัวได้
วิธีการสังเกต ต้องเริ่มสังเกตตัวเราเองก่อนว่า ตัวเราสามารถปรับตัวกับการทำงาน WFH ได้ดีแค่ไหน เรามีอาการเหงา อาการรู้สึกโดดเดี่ยวหรือไม่ หรือเราแค่ยังไม่คุ้นชินกับรูปแบบการทำงานแบบนี้ อย่างเพิ่งกังวลใจไป ลองค่อยๆปรับวิธีดู ถ้าเรารู้สึกโหยหาเพื่อนคุย ที่ปรึกษา รู้สึกเบื่อ ทำงานแล้วอาจไม่มีความสุข ให้ลองตั้งกรุ๊ปคอล ที่ทำงานขึ้นมา กำหนดว่าวันนี้ต้องทำอะไรให้เสร็จบ้าง แบ่งงานกันแล้วลุยกันเลย ความเหงาเกิดจากสภาพจิตใจ ซึ่งเกิดจาก Heart ก็คือความรู้สึกนึกคิดภายในจิตใจ ในการใช้ชีวิต ดังนั้นเราต้องเปลี่ยนมุมมองให้โฟกัสในตัวงานที่จะต้องทำในแต่ละวันขึ้นมาเสียก่อนว่างานไหนต้องเสร็จให้ทันเวลา แต่ถ้าเราไม่โฟกัสกับงานเลย ความรู้สึกเหงา โดดเดี่ยวมันจะทำงาน และเสียการเสียงานทันที
ดังนั้น เราจะแก้ไขโดยการใช้สื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน เมื่อเกิดปัญหาเรื่องงานให้รีบโทรหาหัวหน้างานขอคำปรึกษาอย่าทิ้งไว้นาน เพื่อที่เราจะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเมื่อเกิดปัญหา และแก้ไขได้ทันท่วงที
รู้สึกไม่มีเวลาส่วนตัว
หลายคนบ่น เมื่อทำงานที่บ้านมักจะจัดการเวลาไม่ได้ จึงรู้สึกว่าไม่มีเวลาส่วนตัวเลย เพราะเมื่อช่วงเวลาที่เราไม่ได้ Work From Home เราจะรู้สึกว่าบ้านคือสถานที่พักผ่อน และออฟฟิศ คือสถานที่ทำงาน แบ่งแยกกันอย่างชัดเจน แต่เมื่อเราได้ Work From Home ได้ทำงานที่บ้านแล้วเรามักรู้สึกว่าเราอยู่กับงานตลอดเวลา ไม่มีเวลาส่วนตัวเลย และไม่สามารถ work life balance การทำงานได้อย่างลงตัว เพราะฉะนั้น จะทำให้เรามีปัญหาด้านจิตใจ ทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่อยากทำงาน
วิธีสังเกต คือเรามักคิดว่า WFH ทำช่วงไหนก็ได้ไม่มีใครเห็น แต่ลืมคิดไปว่าเรากำลังเสียเวลาส่วนตัวโดยใช่เหตุ นั่นเพราะถ้าเราไม่จัดสรรเวลางานในช่วงเวลาที่กำหนด งานในแต่ละวันก็จะไม่เสร็จตามกำหนด ต้องกินเวลาพักผ่อนของเราไปเรื่อยๆจนกว่างานจะเสร็จสิ้นสุดท้ายอาจกลายเป็นผลเสียต่อตัวเราเองได้เพราะเวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ
ดังนั้น เราจึงต้องจัดสรรเวลาในการทำงานให้ชัดเจน ทำให้เหมือนเราไปทำงานที่ออฟฟิศ เมื่อถึงเวลาพักก็ต้องพัก ต้องผ่อนคลาย ถึงเวลารับประทานอาหารก็ต้องให้ร่างกายได้รับอาหารตรงเวลา ถึงเวลาเลิกงานก็ต้องเลิกงาน และที่สำคัญถ้าเป็นไปได้ควรจัดห้องทำงานให้เป็นสัดส่วน แยกห้องทำงานกับห้องพักผ่อนให้อยู่คนละส่วนกัน เพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกว่าเรานั้นทำงานตลอดเวลานั่นเอง
พักผ่อนไม่เป็นเวลา
เมื่อ Work From Home หลายคนไม่สามารถแยกเวลาพักผ่อนกับเวลางานได้เลย เพราะบางครั้งงานเร่งรีบ ลูกค้าขอด่วน ต้องรีบปิดโปรเจค ยิ่งคนที่บ้างานหน่อยไม่มีภาระอื่นก็ใส่สุดแรง ทำงานห้ามรุ่งห้ามค่ำ หรือในบ้างคนก็ทำงานเวลาพัก พักเวลาทำงาน ซึ่งแบบนี้ไม่ดีต่อสุขภาพของเราแน่ ๆ เพราะจะทำให้ร่างกายเราอ่อนเพลียเพราะพักผ่อนไม่เป็นเวลา และรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา เกิดความเครียดสะสม อาจทำให้เราเจ็บป่วยย่ำแย่ได้โดยไม่รู้ตัวก็ได้ การพักผ่อนเป็นปัจจัยหลักที่ส่งเสริมให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง เราไม่ควรมองข้าม
วิธีการสังเกต คือเรา WFH โดยไม่เน้นพัก คือทำงานตลอดเวลา ช่วงแรกๆก็สามารถทำได้ แต่นานไปร่างกายจะเริ่มแสดงออกมา ยิ่งทำให้เราสร้างสรรค์งานออกมาไม่ดีเท่าที่ควรแล้ว สุขภาพยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก ควรหยุดพักเมื่อร่างกายไม่ไหว หันมามีเวลาให้ตัวเองทำในสิ่งอื่นๆบ้าง
ดังนั้น เราต้องแบ่งเวลาการทำงาน และการพักผ่อนให้ดี เพื่อที่จะไม่กระทบต่อร่างกายของเรา ถ้าร่างกายของเราเจ็บป่วย ก็จะส่งผลต่อการทำงานของเราอย่างแน่นอน ซึ่งประสิทธิภาพการทำงานก็จะลดลงด้วยเนื่องจากร่างกายของเราไม่พร้อมในการงาน
ขี้เกียจ / โรคอ้วน
หลายคนเมื่อทำงานแบบ Work From Home ก็อาจจะทำงานจนลืมเวลา ขี้เกียจลุกจากที่ทำงานเพื่อไปหาของรับประทานเรียกได้ว่าทำงานไป กินไปด้วยเลยก็ว่าได้ หรืองานกำลังเร่งถึงตอนพักเที่ยงก็ไม่พักขอเร่งงานให้เสร็จก่อน เลยเลือกไปกินช่วงมื้อเย็นแทนจึงทำให้ช่วงเย็นเราจะกินอาหารเยอะมากกว่าปกติ ด้วยอาการหิวหน้ามืดตาลาย กินไม่ยั้ง เพราะว่าเวลาปกติเราไม่ยอมกินอาหารให้ตรงเวลา การที่เรากินอาหารในช่วงเวลาเย็นเป็นจำนวนมากๆ ยิ่งทำให้เราเกิดโรคอ้วนได้ง่ายมาก เพราะโดยปกติคนเราเมื่อกินอาหารเย็นเรียบร้อย ก็จะไม่ได้ออกกำลังกาย จะนอนหลับพักผ่อนทันที จึงทำให้ระบบย่อยอาหารไม่ทำงาน การเผาผลาญของร่างกายไม่ทำงาน นอกจากโรคอ้วนแล้วยังเกิดเป็นกรดไหล่ย้อนได้อีกด้วย
วิธีสังเกต คือเราต้องแบ่งเวลาการกินอาหารให้ชัดเจนเช้ากลางวัน เย็น ไม่ควรทำงานไปด้วยและกินไปด้วย นั่งทำงานนานๆลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายบ้าง เมื่อเลิกงานควรออกกำลังกายพอเหมาะพอควร เพื่อปรับสมดุลร่างกายให้มีความพร้อมต่อการทำงานในวันต่อไป
ดังนั้น ถ้าร่างกายเราไม่สมบูรณ์พร้อมในการทำงานก็จะส่งผลต่อการทำงานตามด้วย เราจึงต้องดูแลสุขภาพร่างกายของเราให้แข็งแรงอยู่เสมอ ไม่เบียดเบียนร่างกายตัวเอง สร้าง work life balance ในการทำงานให้ได้ หาเครื่องมือในการเตือนเวลาว่าถึงเวลาพัก ถึงเวลารับประทานอาหาร เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา
ไม่อยากทำงาน
หลายๆ คน เมื่อได้ Work From Home ไปนานๆ ต้องทำงานคนเดียวอาจทำให้หลายคนเกิดความเบื่อหน่าย จากการที่ไม่มีที่ปรึกษาในช่วงเวลาที่ต้องการ อาจจะมาจากเนื้องานที่ได้รับมอบหมาย หรือการที่ต้องอยู่คนเดียวนาน ๆ ไม่มีที่ระบายในเรื่องงาน เกิดเป็นความเครียดสะสมอย่างไม่รู้ตัว จึงทำให้ไม่อยากทำงาน เพราะไม่มีสิ่งเร้าในการทำงาน ไม่มีแรงกระตุ้นจากหัวหน้างาน ทำงานตามหน้าที่ ซึ่งหลายคนอาจมองว่าไม่ท้าทายสำหรับตัวเอง
วิธีสังเกต ทำงานไม่มีจุดมุ่งหมาย ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร รู้สึกหลงทางจับต้นชนปลายไม่ถูก เบื่อๆ เซ็งๆ เริ่มมีมีทัศนคติเชิงลบต่อความสามารถในการทำงานของตนเอง ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ขาดความเชื่อมั่นในความสำเร็จ ที่เรามักเรียกกันว่า อาการ Burnout syndrome
ดังนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ถือว่าเกิดมาจากความรู้สึกนึกคิดภายในจิตใจของเราเอง จึงจำเป็นต้องหาทางออกให้กับตัวเองอย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับเรื่องแบบนี้นานๆ เพราะฉะนั้นเราต้องดูแลจิตใจของเราให้ดี เมื่อเรารู้ว่าเราไม่เหมาะกับการอยู่คนเดียวนานๆ ก็ต้องวิดีโอคอลหาเพื่อนร่วมงาน โทรหาหัวหน้างานเพื่อขอคำปรึกษาในส่วนของเรื่องงาน หรือถ้ามีเวลาควรออกไปข้างนอกเพื่อพักสายตา หรือไปช้อปปิ้งเพื่อให้ผ่อนคลายจากความเครียด หรือหาเป้าหมายในชีวิตที่ทำให้เรารู้สึกถึงคุณค่าของตนเอง