Toxic Area การรักษาบรรยากาศในการทำงานถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และเป็นเรื่องอันดับต้นๆที่หลายๆองค์กรจะต้องให้ความสำคัญ เพราะว่าการทำงานในแต่ละวันจะต้องพบเจอความเครียดแล้วนั้น องค์กรอาจจะต้องจะต้องมีช่วงเวลาของการผ่อนคลายความเครียดให้กับพนักงานในองค์กรด้วย แต่ในบางบริษัทก็อาจจะไม่มีแม้แต่เวลาผ่อนคลายความเครียดให้กับพนักงานแม้แต่ชั่วโมงเดียว ส่วนนี้อาจจะก่อให้เกิดปัญหาที่กระทบต่อตัวพนักงานโดยตรงบางคนอาจจะหมกมุ่นกับงานมากจนเกินไปจนเสียความเป็นตนเอง บางคนอาจจะส่งผลให้คิดงานไม่ออกเพียงเพราะจะต้องทำงานที่แข่งกับเวลาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นองค์กรจะต้องเล็งเห็นถึงปัญหาในส่วนนี้และให้ความสำคัญต่อการสร้างบรรยากาศในการทำงานให้มีความสมดุลทั้งตัวบริษัทเองและตัวพนักงานเอง เพราะการที่มีสภาพแวดล้อมในการทำงานงานที่ดี ก็จะส่งผลให้ตัวพนักงานเองมีความสุขและสามารถสร้างสรรค์ผลงานให้มีประสิทธิภาพตามไปด้วย ไม่สร้างความกดดันในการทำงานมากจนเกินไป เพราะการที่พนักงานในองค์กรมีความสุข ก็จะเป็นทรัพยากรที่องค์กรต้องการมากที่สุด เพราะจะช่วยเพิ่มศักยภาพที่ช่วยสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลายบริษัทจึงจะต้องรักษาการสร้างบรรยากาศที่ดีในออฟฟิศ ให้เหมาะแก่การทำงานถึงแม้ว่าการสร้างบรรยากาศในการทำงานไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจะต้องอาศัยการร่วมมือของทุกคนในบริษัทที่จะต้องทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันและทำงานร่วมกันอย่างตรงไปตรงมา การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและให้ได้ประโยชน์ในการทำงานร่วมกันมากที่สุด ถึงแม้อาจจะดูเป็นเรื่องที่ยาก แต่มันก็คุ้มค่าที่จะลงทุนและปรับเปลี่ยนเพราะถ้าหากบรรยากาศไม่น่าทำงานก็จะส่งผลให้ทำลายความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ หรือสิ่งใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น เกิดการหมกมุ่นอยู่แต่กับงานจนเลิกสนใจคนรอบข้าง
บรรยากาศในการทำงานที่ดีอาจจะต้องประกอบไปด้วยหลายๆปัจจัยในการคงสภาพการทำงานที่ดี และมีประสิทธิภาพวันนี้แอดจึงอยากจะนำเสนอวิธีการสร้างบรรยากาศในการทำงานให้ Happy Work Place ตามแบบฉบับของ Trust-Vision ซึ่งมีวิธีที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้ค่ะ
1. จัดระเบียบห้องใหม่
นอกจากความสะดวกสบายทางเทคโนโลยีแล้วนั้น สิ่งอันดับแรกๆที่หลายๆองค์กรไม่ควรมองข้ามคือการจัดแบ่งสัดส่วนพื้นที่ในการทำงานให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น จัดหาวัสดุ และอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ มีโทนสีที่สบายตาเพื่อให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายในการทำงาน เพราะนอกจากการที่จัดให้พนักงานหลายๆคนมานั่งทำงานรวมกันแล้วนั้น สามารถส่งเสริมการออกไอเดียการแต่งห้องทำงานในแบบใหม่ๆ เพื่อที่จะได้ร่วมออกความคิดเห็นและช่วยกันจัดระเบียบห้องทำงาน ไม่ใช่เพียงแค่เป็นการจัดแค่โต๊ะของตนเองเพื่อที่จะได้สร้างบรรยากาศในการทำงานใหม่ๆ และสร้างการสื่อสารระหว่างกันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
2. ส่งเสริมให้พนักงานช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
พร้อมไปด้วยกิจกรรมที่สามารถทำงานร่วมกันแบบทีมเวิร์ค ร่วมตัดสินใจร่วมกันและสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เกิดการเคารพซึ่งกันและกัน ยอมรับในบทบาทหน้าที่ของทุกคนในองค์กรและมองเห็นถึงความสำคัญในคุณค่าของบทบาทหน้าที่ของทุกคนอย่างเท่าเทียม และคอยให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันไม่จำเป็นแค่บุคคลภายในทีมเดียวกันแต่เราทุกคนจะต้องสามารถให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษากับทุกๆคนได้ภายในองค์กรเพราะแน่นอนว่าองค์กรก็อยากที่จะร่วมงานกับคนที่มีทัศนคติที่ดีในการทำงาน
3. ส่งต่อความรู้สึกถึงกัน
ใครๆก็อยากที่จะมาทำงานอย่างมีความสุขในทุกๆวัน ภายใต้บรรยากาศในการทำงานที่ดีต่อสุขภาพจิต เพราะถ้าหากวันไหนที่มาทำงานแล้วพบเจอกับคนที่กำลังเกิดอาการเครียดหรือหงุดหงิด ก็ยิ่งจะส่งผลให้บรรยากาศในการทำงานไม่น่าทำงาน และรู้สึกหดหู่ต่อการทำงานไปทั้งวัน แต่ถ้าวันใดเรามาทำงานละพบเจอแต่ผู้คนที่อารมณ์ดี ร่าเริงสร้างเสียงหัวเราะให้แก่กันวันนั้นก็คงจะเป็นวันที่งานมีความสุข ดังนั้นการส่งต่อความรู้สึกซึ่งกันและกันเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆเพราะความรู้สึกของคนเราสามารถส่งต่อถึงกันได้เมื่อไหร่ที่เรามีความสุขคนรอบข้างของเราก็จะมีความสุข แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกทุกข์คนรอบข้างของเราก็จะคอยทุกข์ไปด้วย เห็นไหมละคะว่าความรู้สึกของคนเราสามารถส่งต่อกันได้และมีอิทธิพลต่อคนอื่นมากแค่ไหน
4. ใส่ใจสุขภาพจิตและบริหารการจัดการความเครียด
เมื่อเราสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีแล้ว สิ่งต่อมาที่องค์กรไม่ควรมองข้ามเลยคือพฤติกรรมของพนักงาน ที่จะต้องคอยสังเกตถึงพฤติกรรมของพนักงานอยู่ตลอดเวลา ว่าพวกเขาเหล่านี้ได้รับความกดดันมากจนเกินไปรึเปล่า พนักงานเกิดความวิตกกังวลหรือเครียดจากการทำงานมากจนเกิดไปหรือเปล่า เพราะเมื่อพนักงานทำงานไปได้ด้วยดีและมีประสิทธิภาพแล้ว องค์กรลองมองหาวิธีการที่จะคลายเครียดให้กับพนักงาน เช่นการลองหากิจกรรมที่จะได้คลายความเครียดบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเกม หรือกิจกรรมนันทนาการ แต่ถ้าหากเป็นปัญหาส่วนตัวที่นอกเหนือจากการทำงานที่เกิดขึ้นกับพนักงาน องค์กรจะต้องหาวิธีเฝ้าระวังและหาวิธีในการรับมือ
5. ส่งเสริมประสิทธิภาพและสร้างแรงจูงใจในการทำงาน
พนักงานที่มีความสุขต่อการทำงาน ก็จะยิ่งสร้างสรรค์และผลิตผลงานที่มีประสิทธิภาพตามออกมาด้วย จะมีแรงจูงใจในการที่จะทำงานให้ประสบความสำเร็จ ควรกระตุ้นให้มีการกระตือรือร้นในด้านความคิด ให้โอกาสพนักงานในการลองทำสิ่งใหม่ๆ เพื่อให้พวกเขารู้จักคิด รู้จักการวางแผนในการทำงาน สร้างทัศนคติในแง่บวกที่ช่วยสร้างความมั่นใจในการปฏิบัติงาน เพื่อเตรียมความพร้อมในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ
ฉะนั้นบริษัทจะต้องคอยสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีให้สมดุลกันต่อสภาพจิตใจของพนักงาน และบรรยากาศที่ดีจะเกิดขึ้นได้หากพวกเราทุกคนในองค์กรร่วมมือและร่วมใจกันพัฒนาตนเองทั้งตัวพนักงานเอง รวมทั้งหัวหน้างานไม่เว้นแม้แต่ผู้บริหารระดับสูง เพราะการรักษาบรรยากาศให้ดีไม่ควรมองข้ามและเป็นเรื่องที่จะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เพื่อที่จะสามารถสร้างแรงจูงใจและรักษาพนักงานให้มีการทำงานที่มีประสิทธิภาพ เพียงแค่นี้ก็จะทำให้องค์กรของเราน่าอยู่และทุกๆคนในองค์กรมีความสุขกับการทำงานในทุกๆวันค่ะ