“ทักษะการทำงานภายใต้แรงกดดัน” ถือเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่สำคัญกับพนักงานทุกๆ ที่จะต้องมี เพราะในทุกองค์กร อาจจะกล่าวได้ว่าพนักงานจะต้องสามารถทำงานภายใต้แรงกดดันได้เป็นอย่างดี การทำงานแน่นอนว่าเราทุกๆคนจะต้องพบเจอกับแรงกดดันของงาน เพราะเป็นสิ่งที่แทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าแม้แต่แรงกดดันจากตัวเองที่สร้างขึ้นจากตนเอง หรือแรงกดดันที่มาจากหัวหน้างานหรือเจ้าของกิจการ
หัวหน้าหรือเจ้าของกิจการก็อาจจะมองเพียงแค่ว่าอยากที่จะให้เราทำงานออกมาได้ดี หรือว่าประสบความสำเร็จถึงได้สร้างแรงกดดัน และคาดหวังในงานของลูกน้อง แต่ส่วนในมุมของลูกน้องก็อาจจะมองที่ว่าหัวหน้ากดดันมากจนเกินไปหรือเปล่าจนทำให้เกิดความเครียด
“ความเครียด” เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยในชีวิต และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆคน แต่อยู่ที่ว่าแต่ละคนจะมีวิธีการจัดการความเครียดของตนเองได้ยังไง และบางครั้งความเครียดก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามากจนเกินไปก็จะทำร้ายตัวของเราเองภัยคุกคามในที่ทำงานที่พบบ่อยมากที่สุดจะมีด้วยกันสองส่วนคือภัยทางด้านความเครียดและภัยทางด้านวิตกกังวล แต่ที่ทำให้รู้สึกแย่ที่สุดคือ คนบางคนก็มีความคิดที่ว่างานของพวกเขาเองนั่นแหละที่เป็นภัยต่อตัวเขาและเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเครียดต่อตัวเขามากที่สุดกว่าเรื่องอื่นๆใด ด้วยเหตุผลเหล่านี้ หัวหน้างาน หรือแม้แต่เจ้าของกิจการก็จะต้องมีวิธีรับมือที่พร้อมจะจัดการและคอยสังเกตความเครียดที่เกิดกับพนักงาน และพนักงานจึงจำเป็นที่จะต้องรับรู้ถึงสัญญาณของความเครียดและการวิตกกังวล และอาจจะหาวิธีหรือการดำเนินการเพื่อลดความเครียดจากการทำงาน เช่น การลดแรงกดดันจากพนักงาน
…..แล้วตัวเราก็อาจจะมีคำถามที่เกิดขึ้นมาในหัวที่ว่า แรงกดดันสามารถกระตุ้นการทำงานของเราให้ดีขึ้นจริงหรือ?
วันนี้แอดก็จะมาแนะนำถึงวิธีการรับมือการทำงานภายใต้แรงกดดัน ว่าพนักงานอย่างเราๆจะสามารถนำวิธีการเหล่านี้ไปปรับใช้ได้ยังไงบ้าง

1. สติและสมาธิ
หัวใจสำคัญในการทำงานที่มีแรงกดดันที่มากคือ การที่เราสามารถควบคุมสติของเราได้นั้นเอง ดังนั้นเราจะต้องฝึกการใช้สติและสมาธิ รวมทั้งฝึกวิธีการควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ว่าจะต้องพบเจอกับสภาวะแรงกดดันในเรื่องใดก็ตาม เพราะสติและสมาธิจะช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมตัวเองภายใต้แรงกดดันได้ดีขึ้นเมื่อต้องทำงานต่อในสภาพที่ร่างกายและจิตใจที่ไม่พร้อมเท่าที่ควร เพราะถ้าหากเราขาดสติก็จะยิ่งส่งผลให้เราไม่สามารถควบคุมตนเองได้และอาจจะสร้างแรงกดดันที่มากขึ้นกว่าเดิม
2. ประสบการณ์
ครูที่ดีที่สุดในชีวิต ก็คงจะเป็นประสบการณ์ที่เราเคยผ่านมา หากเราเคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตมาแล้ว นั้นก็แสดงว่าคุณกำลังเติบโตและก้าวหน้าขึ้นได้อีกขั้นแล้ว และหากเราลองนำประสบการณ์เหล่านั้นกลับมาทบทวนถึงวิธีการที่ใช้รับมือและแก้ปัญหาก็จะทำให้คุณรู้ข้อผิดพลาดที่ต้องปรับปรุง และได้เรียนรู้การพัฒนาวิธีรับมือให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
3. เตรียมพร้อมอยู่เสมอ
อีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้เราสามารถรับมือกับทุกๆปัญหาที่จะเข้ามา คือการที่เราต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นในการพร้อมทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการนอนให้พอ หรือกินอะไรที่มีประโยชน์ที่จะส่งผลให้ร่างกายของเรามีสุขภาพที่ดีและที่สำคัญคือการที่เราไม่ควรมองข้ามคือการ Work-Life Balance คือ การสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อนให้เหมาะสม เพราะการทำงานที่หนักเกินไปจะทำให้เหนื่อยล้า เกิดความเครียดสะสม และทำให้เราเกิดการเบื่อง่ายกว่าปกติ
ดังนั้น เราทุกคนจะต้องหาช่องว่างของการสมดุลในชีวิต อย่านำความเครียดและการวิตกกังวลมากดดันตนเองมากจนเกินไปจนทำให้เราสูญเสียความเป็นตนเอง ลองออกไปหาอะไรทำที่เราชอบ หรือการปลีกตัวออกจากสิ่งเร้าที่จะก่อให้เกิดความเครียดและลองหาตรงกลางระหว่างตนเองให้เจอกันนะคะ