ความเครียดระดับ Micro Stress หรือที่เรียกว่าความยุ่งยากในชีวิตประจำวัน หมายถึง ความเครียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เราพบเจอในชีวิตประจำวัน ตัวก่อความเครียดเหล่านี้มีเพียงเล็กน้อย แต่สามารถเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและส่งผลต่อระดับความเครียดโดยรวมของเรา ตัวอย่างของความเครียดเล็กๆ น้อยๆ ได้แก่ รถติด การไปทำงานสาย เพื่อนร่วมงานที่น่ารำคาญ หรือการสนทนาที่ยากลำบากกับเพื่อน แม้ว่าตัวสร้างความเครียดเหล่านี้อาจดูเหมือนไม่มีนัยสำคัญในตัวเอง แต่ก็สามารถส่งผลสะสมต่อสุขภาพจิตและร่างกายของเราได้
การวิจัยแสดงให้เห็นว่าความเครียดระดับ Micro Stress สามารถส่งผลเสียต่อความเป็นอยู่ของเรา รวมถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และปัญหาสุขภาพร่างกาย เช่น ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ สิ่งสำคัญคือต้องหาวิธีจัดการและลดความเครียดในชีวิตประจำวันของเรา เช่น ฝึกสติ ออกกำลังกาย และขอความช่วยเหลือทางสังคม
ความเครียดเล็กๆ น้อยๆ หรือความยุ่งยากในแต่ละวันอาจมีสาเหตุหลายประการ ต่อไปนี้คือสาเหตุทั่วไปบางประการของความเครียดในระดับ Micro Stress:
- ความเครียดจากการทำงาน: ความเครียดจากการทำงานเป็นความเครียดประเภทหนึ่งที่เกิดจากความต้องการ ความกดดัน และความคาดหวังที่เกี่ยวข้องกับงานหรือการจ้างงาน ความเครียดจากการทำงานอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ปริมาณงาน กำหนดเวลา ความไม่มั่นคงของงาน ความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชา การขาดการควบคุมงานหรือสภาพแวดล้อม และชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน

2. ความเครียดจากความสัมพันธ์: ความเครียดจากความสัมพันธ์หมายถึงความเครียดที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เช่น ความสัมพันธ์แบบโรแมนติก ความสัมพันธ์ในครอบครัว มิตรภาพ และความสัมพันธ์ในการทำงาน ความเครียดในความสัมพันธ์อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ปัญหาในการสื่อสาร ความขัดแย้ง ความไม่ลงรอยกัน ความคาดหวังที่ไม่ตรงกัน การนอกใจ และการสูญเสียความไว้วางใจ ความเครียดจากความสัมพันธ์อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและร่างกายของบุคคล รวมถึงความสัมพันธ์กับผู้อื่นด้วย อาการของความเครียดจากความสัมพันธ์อาจรวมถึงความวิตกกังวล ซึมเศร้า ปัญหาการนอนหลับ ความอยากอาหารเปลี่ยนแปลง และความเจ็บป่วยทางร่างกาย

3. ความเครียดทางการเงิน: ความเครียดทางการเงิน หมายถึง ความเครียดที่เกิดจากความกังวลและความยากลำบากทางการเงิน เช่น หนี้สิน การว่างงาน รายได้น้อย ค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึง และไม่มีเงินออม ความเครียดทางการเงินอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและร่างกายของบุคคล ตลอดจนความสัมพันธ์กับผู้อื่น

4. ความเครียดด้านสุขภาพ: ความเครียดด้านสุขภาพ หมายถึง ความเครียดที่เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายหรือสุขภาพของคนที่คุณรัก ความเครียดด้านสุขภาพอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การเจ็บป่วยเรื้อรัง การเจ็บป่วยเฉียบพลัน การบาดเจ็บ ความพิการ หรือกระบวนการทางการแพทย์

5. ความเครียดจากสิ่งแวดล้อม: ความเครียดจากสิ่งแวดล้อม หมายถึง ความเครียดที่เกิดจากผลกระทบของสิ่งรอบตัวที่มีต่อความเป็นอยู่ ความเครียดจากสิ่งแวดล้อมอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น เสียง มลพิษ ความแออัดยัดเยียด ภัยธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

6. ความเครียดจากเทคโนโลยี: ความเครียดจากเทคโนโลยี หมายถึง ความเครียดที่เกิดจากการใช้หรือใช้เทคโนโลยีมากเกินไป เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และโซเชียลมีเดีย ความเครียดจากเทคโนโลยีอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ข้อมูลล้นมือ การแจ้งเตือนอย่างต่อเนื่องและการขัดจังหวะ การเสพติดโซเชียลมีเดีย และความกดดันในการติดต่อสื่อสาร

สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าความเครียดในแต่ละวันเป็นเรื่องปกติของชีวิต อย่างไรก็ตาม หากความเครียดระดับ Micro Stress เข้ามาครอบงำและเริ่มส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตหรือร่างกายของคุณ สิ่งสำคัญคือต้องขอความช่วยเหลือและหาวิธีจัดการกับความเครียดของคุณ
การรับมือกับความเครียดเล็กๆ น้อยๆ หรือความยุ่งยากในชีวิตประจำวันสามารถช่วยป้องกันไม่ให้สะสมและนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงขึ้นได้ นี่คือกลยุทธ์บางอย่างที่สามารถช่วยจัดการความเครียดเหล่านี้ได้:

- หมั่นฝึกสติ: การฝึกสติเป็นวิธีที่ได้ผลในการลดความเครียดและทำให้ความเป็นอยู่โดยรวมดีขึ้น การเจริญสติเกี่ยวข้องกับการให้ความสนใจกับช่วงเวลาปัจจุบันด้วยทัศนคติที่เปิดกว้าง ความอยากรู้อยากเห็น และการยอมรับ มันสามารถช่วยให้คุณตระหนักถึงความคิด ความรู้สึก และความรู้สึกของคุณมากขึ้น และพัฒนาความรู้สึกสงบและความสงบภายในมากขึ้น การจัดสรรเวลาในแต่ละวันสำหรับการฝึกสติอย่างเป็นทางการ อาจใช้เวลาเพียง 5-10 นาที และอาจเกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่างๆ เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือการหายใจอย่างมีสติ
- ออกกำลังกายเป็นประจำ: การออกกำลังกายเป็นประจำเป็นองค์ประกอบสำคัญของการรักษาสุขภาพกายและสุขภาพจิต การออกกำลังกายช่วยลดความเครียด ทำให้อารมณ์ดีขึ้น เพิ่มระดับพลังงาน และลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง
- ให้ลำดับความสำคัญของการดูแลตัวเอง: การดูแลตนเองเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาสภาพร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ให้เวลากับตัวเอง จัดสรรเวลาในแต่ละวันเพื่อทำสิ่งที่คุณชอบ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือเดินเล่น มีส่วนร่วมในงานอดิเรกและกิจกรรมสร้างสรรค์ การทำสิ่งที่สร้างสรรค์เป็นวิธีที่ดีในการคลายความเครียดและแสดงความเป็นตัวคุณ
- จัดระเบียบตัวเอง: การจัดระเบียบตัวเองเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเครียด กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ระบุสิ่งที่คุณต้องการทำให้สำเร็จและแยกย่อยออกเป็นงานที่เล็กลงและทำได้ จัดลำดับความสำคัญของงาน ระบุว่างานใดมีความสำคัญหรือเร่งด่วนที่สุด และมุ่งเน้นไปที่งานเหล่านั้นก่อนโปรดจำไว้ว่าการจัดระเบียบตัวเองต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่ประโยชน์ที่ได้รับก็คุ้มค่า การจัดระเบียบจะช่วยให้คุณลดความเครียด เพิ่มผลผลิต และบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ฝึกพูดกับตัวเองในเชิงบวก: การพูดเชิงบวกกับตัวเอง หรือที่เรียกว่าการพูดกับตัวเองในเชิงบวก สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่ออารมณ์ ความนับถือตนเอง และความเป็นอยู่โดยรวมของคุณ มุ่งเน้นไปที่จุดแข็งของคุณ แทนที่จะจมอยู่กับจุดอ่อน ให้โฟกัสไปที่จุดแข็งและสิ่งที่คุณทำได้ดีใจดีกับตัวเอง ปฏิบัติต่อตนเองด้วยความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจ
- พักสมอง: การหยุดพักเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลตนเองและสามารถช่วยลดความเครียดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ ตัดการเชื่อมต่อ ระหว่างช่วงพัก ให้ตัดขาดจากงานหรือความเครียดอื่นๆ วางโทรศัพท์ ออกห่างจากคอมพิวเตอร์ และพักสมองทำสิ่งที่คุณชอบ ใช้ช่วงพักของคุณทำสิ่งที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ เดินเล่น หรือฟังเพลงการใช้เวลาอยู่ข้างนอกท่ามกลางธรรมชาติเป็นวิธีที่ดีในการเติมพลังและเพิ่มอารมณ์ของคุณ
” โปรดจำไว้ว่า ความเครียดในระดับ Micro Stress เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แต่ไม่จำเป็นต้องควบคุมอารมณ์และสุขภาพของคุณ การฝึกดูแลตัวเอง การสร้างแรงสนับสนุนทางสังคม และการหยุดพัก สิ่งเหล่านี้จะเป็นส่วนช่วยให้คุณนั้นสามารถจัดการกับความเครียดเล็กๆ น้อยๆ อย่าง Micro Stress ได้และยังสามารถพัฒนาความเป็นอยู่โดยรวมของคุณให้ดีมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย…”
สามารถอ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมาย PDPA ของ HR และหลักการ Competency
ของทางทีม Trust – Vision เพียง คลิ๊ก!!!