Skip to content
KPI กับ OKR แตกต่างกันอย่างไร?

Table of Contents

          การประเมินผลพนักงานในองค์กรเป็นกระบวนการที่สำคัญในการวัดและประเมินประสิทธิภาพการทำงานและการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานในองค์กร การประเมินผลพนักงานส่วนใหญ่จะเน้นการวัดความสำเร็จของพนักงานในการทำงานตามเป้าหมายและตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ โดยมีขั้นตอนและวิธีการที่หลากหลายขึ้นอยู่กับบริบทและวัตถุประสงค์ของการประเมิน ยกตัวอย่าง อย่างการใช้แบบ การประเมินผล PMS (Performance Management System) ที่เป็นกระบวน การที่ใช้ในการวัดและประเมินประสิทธิภาพและการทำงานของบุคคล ทีมงาน หรือองค์กรโดยใช้ตัวชี้วัดต่าง ๆ ซึ่งอาจรวมถึง KPI (Key Performance Indicators) และ OKR (Objectives and Key Results) หรือตัวชี้วัดอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับบริบทขององค์กร

KPI คืออะไร

          KPI ย่อมาจาก “Key Performance Indicator” ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดและประเมินประสิทธิภาพและความสำเร็จของการดำเนินงาน โครงการ หรือองค์กรตามเป้าหมายและค่านิยมที่ตั้งไว้ คือ KPI เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญเพราะมันช่วยให้ผู้บริหารและทีมงานสามารถติดตามและวัดผลที่สำคัญเพื่อให้เกิดการปรับปรุงและการตัดสินใจที่มีข้อมูลมากขึ้นในการบรรลุเป้าหมายขององค์กรหรือกิจกรรมต่าง ๆ

คุณสมบัติของ KPI ที่ดีควรมี:

    1. ชี้วัดได้: KPI ต้องสามารถวัดได้และเปรียบเทียบกับค่าเป้าหมายหรือมาตรฐานที่กำหนดไว้ โดยที่การวัดจะต้องเป็นไปตามวิธีที่ชัดเจนและแม่นยำ
    2. สอดคล้องกับเป้าหมาย: KPI ควรเชื่อมโยงกับเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่องค์กรหรือทีมกำลังพยายามบรรลุ การมีความสอดคล้องนี้ช่วยให้ KPI มีความหมายและมีประโยชน์ต่อการตัดสินใจ
    3. เน้นความสำคัญ: KPI ควรเน้นมุ่งหมายที่สำคัญสำหรับองค์กร ซึ่งเป็นแนวทางในการบรรลุผลลัพธ์ที่สำคัญ
    4. สามารถวัดและปรับปรุงได้: KPI ควรที่จะมีข้อมูลที่เข้าถึงและวัดได้ในเวลาเรียลไทม์ และอย่างน้อยจะต้องสามารถปรับปรุงได้เพื่อแก้ไขปัญหาหรือเปลี่ยนแปลงเมื่อจำเป็น
    5. ใช้งานได้: KPI ควรเป็นอย่างง่ายต่อการเข้าใจและใช้งาน ไม่ควรซับซ้อนเกินไปหรือทำให้ยากในการเก็บข้อมูลหรือวัดผล
    6. เปรียบเทียบได้: KPI ควรสามารถเปรียบเทียบกับตัวชี้วัดอื่น ๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่เชื่อมโยงกัน

เช่น เป็นตัวชี้วัดของความสำเร็จของโครงการ ธุรกิจ หรือแผนก ได้แก่ รายได้, กำไรสุทธิ, อัตราการเติบโตของลูกค้า, อัตราความพึงพอใจของลูกค้า, ค่าใช้จ่าย, ระยะเวลาในการดำเนินโครงการ, ความถี่ในการเกิดข้อผิดพลาด, ระยะเวลาในการตอบรับลูกค้า, และอื่น ๆ ตามความเหมาะสมกับแต่ละองค์กรหรือกิจกรรม

OKR คืออะไร

          OKR ย่อมาจาก “Objectives and Key Results” ซึ่งเป็นกรอบการจัดการและวางแผนที่ใช้ในการกำหนดเป้าหมาย (Objectives) และผลสำคัญ (Key Results) เพื่อช่วยให้องค์กรหรือทีมทำงานให้มีการแนวทางและการปรับปรุงอย่างรวดเร็ว และช่วยให้ทุกคนในทีมมีความเข้าใจและมุ่งหวังเดียวกันในการปฏิบัติงาน

    1. Objectives (เป้าหมาย): เป็นคำบรรยายที่สรุปโดยสั้นและกระชับเกี่ยวกับเป้าหมายหรือความตั้งใจที่ต้องการที่จะบรรลุในระยะเวลาที่กำหนด เป้าหมายจะต้องเป็นอะไรที่หยิบยกขึ้นมาจากการมองหาการเปลี่ยนแปลงหรือความก้าวหน้าที่สำคัญสำหรับองค์กรหรือทีม
    2. Key Results (ผลสำคัญ): เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมินความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมาย โดยปกติแล้วจะมีมากกว่าหนึ่งตัวชี้วัด เป้าหมายแต่ละอันจะมีคีย์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เกิดความชัดเจนและเมื่อผลสำคัญถูกบันทึกเป็นค่าเป็นตัวเลข จะช่วยในการวัดความสำเร็จของเป้าหมาย

เป้าหมายและผลสำคัญใน OKR จะต้องเป็นที่เข้าใจและมีความท้าทาย มันช่วยให้ทีมมีแนวคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินงาน และช่วยส่งเสริมการปรับปรุงและนวัตกรรมในองค์กร นอกจากนี้ กระบวนการประเมินผลในการดำเนินงานสามารถทำได้อย่างเป็นระบบและมีการปรับปรุงตามความคืบหน้าของผลสำคัญได้ด้วย

ความแตกต่างระหว่าง KPI และ OKR

          KPI (Key Performance Indicator) และ OKR (Objectives and Key Results) เป็นสองกรอบการวางแผนและวัดผลที่ใช้ในการจัดการและวัดความสำเร็จขององค์กร หรือทีม แต่มีความแตกต่างกันดังนี้:

    1. เป้าหมายและความสำคัญ:
    • OKR: มุ่งหมายที่เป็นกำลังตัวที่ต้องการปรับปรุงหรือก้าวหน้าขององค์กรหรือทีม มีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางและแนวคิดที่ชัดเจน โดยประกอบด้วย Objectives (เป้าหมาย) ที่อธิบายเป้าหมายที่ต้องการ และ Key Results (ผลสำคัญ) ที่เป็นตัวชี้วัดในการวัดความสำเร็จของเป้าหมายนั้น ๆ
    • KPI: เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดและประเมินประสิทธิภาพของกิจกรรม โครงการ หรือองค์กร ซึ่งเน้นการวัดผลเฉพาะด้านความสำเร็จและประสิทธิภาพในเรื่องที่มีค่านิยม โดยไม่จำเป็นต้องระบุเป้าหมายทางกลยุทธ์หรือการเปลี่ยนแปลง
    1. รูปแบบการใช้งาน:
    • OKR: มักถูกใช้ในสภาวะที่ต้องการปรับปรุงหรือสร้างแนวทางใหม่ และเน้นการสร้างความกระตือรือร้นในทีมในการทำงานให้มุ่งหวังเดียวกัน
    • KPI: มักถูกใช้เพื่อวัดและติดตามความสำเร็จในการดำเนินกิจกรรมหรือโครงการที่เป็นรูทีน ๆ และมีการตั้งค่าเป้าหมายทางยาวหรือสั้นกำหนดเอาไว้
    1. ความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยน:
    • OKR: มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนเป้าหมายและผลสำคัญเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในสภาวะแวดล้อมหรือความต้องการขององค์กร
    • KPI: มักถูกกำหนดและแน่นอนมากขึ้นและไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ เนื่องจากมุ่งหวังการวัดเรื่องที่มีความคงเส้นคงวา
    1. การจัดส่วนในองค์กร:
    • OKR: ส่วนใหญ่ใช้ระบบ OKR ในระดับทีมหรือแผนก เพื่อให้การทำงานมุ่งหวังเข้ากับกลยุทธ์ขององค์กร
    • KPI: มักถูกใช้ในระดับองค์กรและแผนก เพื่อวัดผลและประสิทธิภาพตามเป้าหมายที่กำหนด
    1. เน้นการสร้างสรรค์และนวัตกรรม:
    • OKR: เน้นการสร้างสรรค์และการทดลองใหม่เพื่อปรับปรุงและสร้างความก้าวหน้าในระดับต่าง
    • KPI: เน้นการวัดผลและประสิทธิภาพที่มีค่านิยม และมักจะมีการตั้งค่าที่สามารถเปรียบเทียบได้เช่นในระดับเวลาที่ต่างกัน

โดยสรุป KPI มุ่งเน้นในการวัดค่าตามตัวชี้วัดที่เป็นที่ยอมรับและมีค่านิยม ในขณะที่ OKR มุ่งเน้นการปรับปรุงและการก้าวหน้าที่สร้างสรรค์ในเป้าหมายที่กำหนดไว้ การเลือกใช้ตัวชี้วัดใด ๆ ขึ้นอยู่กับบริบทและวัตถุประสงค์ของการจัดการและวัดผลในแต่ละองค์กรหรือทีม

ประโยชน์ของการใช้ KPI และ OKR

การใช้ OKR (Objectives and Key Results) และ KPI (Key Performance Indicators) มีประโยชน์หลายอย่างสำหรับองค์กรและทีมงาน ดังนี้:

ประโยชน์ของการใช้ OKR (Objectives and Key Results):

    • ชัดเจนและมุ่งหวังเดียวกัน: OKR ช่วยในการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและมีความชัดเจนในทีม ทำให้ทุกคนในทีมเข้าใจว่าทำไมพวกเขาทำงานและวางแผนในทิศทางไหน
    • สร้างการร่วมมือและกระตือรือร้นในทีม: OKR ช่วยส่งเสริมการทำงานร่วมกันและสร้างความกระตือรือร้นในการทำงาน เนื่องจากทุกคนในทีมจะมุ่งหวังเป้าหมายเดียวกัน
    • ส่งเสริมนวัตกรรม: OKR สามารถเป็นแรงบันดาลใจในการทดลองใหม่และการพัฒนานวัตกรรมเนื่องจากการตั้งเป้าหมายที่ท้าทายและให้ความเสี่ยง
    • การปรับปรุงและการเรียนรู้: การตั้งเป้าหมายและผลสำคัญที่วัดใน OKR ช่วยในการติดตามความสำเร็จและการปรับปรุงโดยใช้ข้อมูลและประสบการณ์จากการดำเนินงาน
    • การตรวจสอบความคืบหน้า: ผลสำคัญใน OKR ช่วยในการติดตามความคืบหน้าเชิงตัวเลขและการวัดผลเป็นระบบ

ประโยชน์ของการใช้ KPI (Key Performance Indicators):

    • วัดและติดตามประสิทธิภาพ: KPI ช่วยในการวัดและติดตามผลสำคัญของกิจกรรมและโครงการ เพื่อตรวจสอบว่าวัตถุประสงค์ได้ถูกบรรลุหรือไม่
    • การตัดสินใจที่มีข้อมูล: KPI ช่วยในการตัดสินใจโดยการให้ข้อมูลที่มีความสมบูรณ์และเป็นหลักฐาน ช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจในทางที่ถูกต้อง
    • การตรวจสอบการพัฒนา: KPI ช่วยในการตรวจสอบว่าการพัฒนาและการปรับปรุงมีผลหรือไม่ โดยวัดความเปลี่ยนแปลงของตัวชี้วัดตามเวลา
    • สนับสนุนการสร้างยอดผู้บริโภค: การตรวจสอบ KPI เกี่ยวกับประสิทธิภาพของการบริการหรือผลิตภัณฑ์ช่วยในการพัฒนาคุณภาพและความพึงพอใจของผู้บริโภค
    • การกำหนดเป้าหมายที่ได้เปรียบ: การตั้งค่า KPI ช่วยในการกำหนดเป้าหมายที่สามารถเปรียบเทียบและประเมินได้ เช่น กำไรสุทธิเป็นต้น

          ทั้ง OKR และ KPI เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการจัดการและวัดผลขององค์กร แต่อาจมีการใช้งานที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับบริบทและวัตถุประสงค์การใช้งานแต่ละครั้ง การประเมินผลพนักงานเป็นขั้นตอนสำคัญในการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลในองค์กร การใช้กระบวนการประเมินที่ถูกต้องและให้ความสำคัญกับการปรับปรุงและพัฒนาสามารถสร้างผลกระทบที่ดีต่อการทำงานและประสิทธิภาพในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สามารถอ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมาย PDPA ของ HR และหลักการ Competency  

ของทางทีม Trust – Vision เพียง  คลิ๊ก!!!

แบ่งปันบทความดีๆ

Facebook
Twitter
LinkedIn

บทความที่เกี่ยวข้อง

สถานีปรับจูน

สัมภาษณ์มุมมอง Competency สำคัญอย่างไรต่อการพัฒนาบุคลากร? โดยคุณแบงค์

บทสัมภาษณ์รายการสถานีปรับจูนออนไลน์ พิธีการ : สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับท่านผู้ชมทุกท่านเข้าสู่รายการสถานีปรับจูน เรากำลังปรับจูนมุมมองใหม่ๆเพื่อค้นหาแนวความคิดและวิธีการทำงานที่เป็นตัวตนที่แท้จริง ผ่านแต่ละบุคคล เพื่อให้การปรับจูนการทำงานนั้นมีความสุขมากยิ่งขึ้นค่ะ และในวันนี้ก็มาเจอกับน้ำมนเช่นเคยค่ะ วันนี้เรายังอยู่ในหัวข้อเดิมในหัวข้อ

Read More »
trustvision

การทำงานอย่างชาญฉลาด

การทำงานอย่างชาญฉลาด work intelligence การทำงานอย่างชาญฉลาด work intelligence เป็นอย่างไร? ทุกวันนี้ในการทำงานหลายๆ ครั้งของเรา มักจะได้เจอกับปัญหาหรือหน้าที่ภารกิจที่ได้รับมอบหมายที่หนักหนาสาหัสด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้น

Read More »
trustvision

HR Skill ทักษะสำคัญในปี 2023 ที่ HR ควรรู้

รู้หรือไม่ว่า HR Skills ในปี 2023 มีอะไรบ้างที่ต้องปรับตัวให้ทัน ทักษะด้านทรัพยากรบุคคลในปัจจุบัน แต่สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าสายงานด้านทรัพยากรบุคคลมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และทักษะที่จำเป็นอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับองค์กรและอุตสาหกรรม ต่อไปนี้เป็นทักษะด้านทรัพยากรบุคคลที่คาดว่าจะเป็นที่ต้องการในปี

Read More »