วันนี้เราจะมาร่วมคุยกับน้องใหม่เกี่ยวกับเรื่อง Trust ว่ามุมมองของเขานั้นมองว่าอย่างไร?
ยินดีต้อนรับ พี่หนิง ตำแหน่ง HR Recruit คนใหม่บริษัทแร็กน่าร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
นิยามคำว่า Trust ในมุมมองของพี่หนิงกันหน่อยว่าตีความคำว่า Trust ไว้อย่างไรบ้าง?
Trust แปลว่าความเชื่อใจ หนิงมองว่าความเชื่อใจเป็นพื้นฐานในทุกๆความสัมพันธ์ค่ะ ถ้าในมุมมองการทำงานหนิงจะแบ่งเรื่อง Trust ออกเป็น 3 ข้อ
ข้อแรก คือ Trust ในตัวเอง คือเราต้องเชื่อมั่น เชื่อใจในตัวเองก่อนว่าตัวเราทำได้ เราจะเป็น Team player ที่ดีไม่ได้เป็นภาระของทีม เราต้องเชื่อมั่นในตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก
ข้อ2 คือ Trust หัวหน้างานของเรา ทุกๆคำแนะนำที่พี่เขาให้เรามาเป้าหมายของพี่เขาคือ อยากให้งานมันดีขึ้น อยากให้เราไปถึงเป้าหมายโดยราบรื่น เพราะฉะนั้นเราต้องเชื่อสิ่งนี้ก่อนว่าทุก Feedback เต็มไปด้วยความหวังดี เขาไม่ได้จะมาขัดขวางเส้นทางเดินของเรา เราคือทีมเดียวกัน
ข้อที่3 คือ Trust ทีม เราต้องเชื่อมั่นในเพื่อนร่วมงานของเรา ว่าเขาก็จะเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีของเรา คือเราแต่ละคนมีความสามารถที่ไม่เหมือนกัน มีความถนัดไม่เหมือนกันมาอยู่ในทีมเดียวกัน จะให้พี่ไปทำบัญชีพี่ก็ไม่สามารถทำได้ดี พี่มีความถนัดด้าน Recruit มากกว่า พี่ก็เชื่อมั่นตัวเองว่างาน Recruit ก็ไม่มีจะใครมาแทนพี่ได้ในตอนนี้ ส่วนบัญชีพี่ก็ต้องเชื่อมั่นว่าคนที่เขาดำรงตำแหน่งนี้เขาทำได้ดี โปร่งใสไม่มีใครมาล้มล้างเขาได้เหมือนกัน เขาเป็นสุดยอด Team player ของเราเหมือนกัน เพราะฉะนั้นพอทีมเรามีความเชื่อใจกันมากพอเรามีเป้าหมายเดียวกัน เราจะสามารถเดินไปถึงเป้าหมายของเราได้ เดินไปถึง Goal ของบริษัทเราได้ พี่เชื่อแบบนั้น
การที่พี่หนิงจะดูคนที่พี่หนิง Trust พี่หนิงจะวัดหรือดูเขาจากอะไร?
ด้วยความที่เข้ามาใหม่นี้คือประสบการณ์ตรงเราจะเจอคนมากมายมากทั้งอยู่ทีมเดียวกับเรา และทั้งไม่ได้อยู่ทีมเดียวกับเรา การพูดคุยการสื่อสารเป็นสิ่งแรกๆที่มันเกิดขึ้นในทุกๆความสัมพันธ์ เวลาที่เขาพูดอะไร พี่จะไม่ตัดสินว่ามันจริงหรือไม่จริงก่อน พี่มองหลังจากนั้นว่าเขาได้ลงมือทำจริงไหม เขา Drive มันจริง
นิยามคำว่า Trust ในมุมมองของพี่หนิงกันหน่อยว่าตีความคำว่า Trust ไว้อย่างไรบ้าง?
Trust แปลว่าความเชื่อใจ หนิงมองว่าความเชื่อใจเป็นพื้นฐานในทุกๆความสัมพันธ์ค่ะ ถ้าในมุมมองการทำงานหนิงจะแบ่งเรื่อง Trust ออกเป็น 3 ข้อ
ข้อแรก คือ Trust ในตัวเอง คือเราต้องเชื่อมั่น เชื่อใจในตัวเองก่อนว่าตัวเราทำได้ เราจะเป็น Team player ที่ดีไม่ได้เป็นภาระของทีม เราต้องเชื่อมั่นในตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก
ข้อ2 คือ Trust หัวหน้างานของเรา ทุกๆคำแนะนำที่พี่เขาให้เรามาเป้าหมายของพี่เขาคือ อยากให้งานมันดีขึ้น อยากให้เราไปถึงเป้าหมายโดยราบรื่น เพราะฉะนั้นเราต้องเชื่อสิ่งนี้ก่อนว่าทุก Feedback เต็มไปด้วยความหวังดี เขาไม่ได้จะมาขัดขวางเส้นทางเดินของเรา เราคือทีมเดียวกัน
ข้อที่3 คือ Trust ทีม เราต้องเชื่อมั่นในเพื่อนร่วมงานของเรา ว่าเขาก็จะเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีของเรา คือเราแต่ละคนมีความสามารถที่ไม่เหมือนกัน มีความถนัดไม่เหมือนกันมาอยู่ในทีมเดียวกัน จะให้พี่ไปทำบัญชีพี่ก็ไม่สามารถทำได้ดี พี่มีความถนัดด้าน Recruit มากกว่า พี่ก็เชื่อมั่นตัวเองว่างาน Recruit ก็ไม่มีจะใครมาแทนพี่ได้ในตอนนี้ ส่วนบัญชีพี่ก็ต้องเชื่อมั่นว่าคนที่เขาดำรงตำแหน่งนี้เขาทำได้ดี โปร่งใสไม่มีใครมาล้มล้างเขาได้เหมือนกัน เขาเป็นสุดยอด Team player ของเราเหมือนกัน เพราะฉะนั้นพอทีมเรามีความเชื่อใจกันมากพอเรามีเป้าหมายเดียวกัน เราจะสามารถเดินไปถึงเป้าหมายของเราได้ เดินไปถึง Goal ของบริษัทเราได้ พี่เชื่อแบบนั้น
การที่พี่หนิงจะดูคนที่พี่หนิง Trust พี่หนิงจะวัดหรือดูเขาจากอะไร?
ด้วยความที่เข้ามาใหม่นี้คือประสบการณ์ตรงเราจะเจอคนมากมายมากทั้งอยู่ทีมเดียวกับเรา และทั้งไม่ได้อยู่ทีมเดียวกับเรา การพูดคุยการสื่อสารเป็นสิ่งแรกๆที่มันเกิดขึ้นในทุกๆความสัมพันธ์ เวลาที่เขาพูดอะไร พี่จะไม่ตัดสินว่ามันจริงหรือไม่จริงก่อน พี่มองหลังจากนั้นว่าเขาได้ลงมือทำจริงไหม เขา Drive มันจริง
สมมุติว่าเขาเดินมาพูดกับเราว่า"พี่เป็นคนดีนะ" เราจะเชื่อเขาไหม แต่เราก็จะมองว่าเขาดีจริงไหม เราฟังนะเหมือนหัวหน้างานเราแบบนี้ เขาคงไม่พรีเซนต์ตัวเองหรอกว่าเขาเป็นคนยังไง แต่พี่จะมองว่าเขาดูแลลูกน้องในทีมเขาอย่างไร เขาปฏิบัติกับน้องในทีมอย่างไร เขาให้เกียรติน้องในทีมไหม หรือเขาให้คำแนะนำหรือเวลาเขาสอนงานเขาเป็นอย่างไร คือเรื่องพวกนี้มันคือเป็นตัวช่วยในกระบวนการตัดสินใจของเราได้ว่าเราจะ Trust เขาหรือไม่ Trust เขา เพื่อนร่วมงานก็เหมือนกันเขามีคำแนะนำเป็นพี่เลี้ยงเราให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวการอยู่ในองค์กรนี้ยังไง คือเราจะรู้สึกได้เอง ด้วยความที่เราเป็นแก้วเปล่าที่เดินเขามาในออฟฟิศเราไม่รู้อะไรเลยเราได้แต่รับๆเราก็จะใช้ วิจารณญาณในการตัดสินว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวเองว่าเขาเป็นคนอย่างไรมากกว่า
แล้วพี่หนิงจะทำยังไงให้คนอื่น Trust ในตัวพี่หนิง?
ก็เหมือนกันเลยค่ะ หนิงไม่เดินไปบอกคนอื่นว่าหนิงเป็นคนดีและทำสิ่งนี้ได้ดีแน่นอน สิ่งที่หนิงต้องทำ คือการพิสูจน์ตัวเองว่าหนิงเหมาะกับตำแหน่งนี้และทำสิ่งนี้ได้ดีจริงๆ สมมุติว่าวันหนึ่งหนิงบอกว่าหนิงอยากเป็น Recruit เบอร์ 1ในประเทศไทย แต่ตอนนั้นหนิงก็พูดไปแบบนั้น โดยหนิงก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้หรือเปล่า แต่สิ่งที่หนิงต้องทำหลังจากที่หนิงพูดออกไปคิดว่าทำยังไงดีที่จะทำให้เราเป็นเบอร์1 จะต้องไปเทรนเพิ่มเติมไหมหรือช่องทางการหาคน ที่มันมีมากกว่าปัจจุบันหรือแต่ละประเทศใช้ช่องทางอะไร ที่มันมีช่องทางมากกว่าคนอื่นๆในตลาดที่เขามีกัน คือการพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ มีปรึกษาพี่ๆปรึกษาทีม หรือเพื่อนๆในวงการเดียวกันแล้วก็แลกเปลี่ยนความคิดกัน หนิงคิดว่ามันเริ่มจากการที่เราพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ แล้วคนอื่นเขาก็จะเห็นเองว่าหนิงที่ก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่เดิมเขาจะเห็นเองว่าเราพยายามทำตามที่พูด
แล้วพี่หนิงจะทำยังไงให้คนอื่น Trust ในตัวพี่หนิง?
ก็เหมือนกันเลยค่ะ หนิงไม่เดินไปบอกคนอื่นว่าหนิงเป็นคนดีและทำสิ่งนี้ได้ดีแน่นอน สิ่งที่หนิงต้องทำ คือการพิสูจน์ตัวเองว่าหนิงเหมาะกับตำแหน่งนี้และทำสิ่งนี้ได้ดีจริงๆ สมมุติว่าวันหนึ่งหนิงบอกว่าหนิงอยากเป็น Recruit เบอร์ 1ในประเทศไทย แต่ตอนนั้นหนิงก็พูดไปแบบนั้น โดยหนิงก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้หรือเปล่า แต่สิ่งที่หนิงต้องทำหลังจากที่หนิงพูดออกไปคิดว่าทำยังไงดีที่จะทำให้เราเป็นเบอร์1 จะต้องไปเทรนเพิ่มเติมไหมหรือช่องทางการหาคน ที่มันมีมากกว่าปัจจุบันหรือแต่ละประเทศใช้ช่องทางอะไร ที่มันมีช่องทางมากกว่าคนอื่นๆในตลาดที่เขามีกัน คือการพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ มีปรึกษาพี่ๆปรึกษาทีม หรือเพื่อนๆในวงการเดียวกันแล้วก็แลกเปลี่ยนความคิดกัน หนิงคิดว่ามันเริ่มจากการที่เราพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ แล้วคนอื่นเขาก็จะเห็นเองว่าหนิงที่ก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่เดิมเขาจะเห็นเองว่าเราพยายามทำตามที่พูด
" หนิงคิดว่า สิ่งที่ทำให้คนอื่น Trust ตัวเรานั่นคือ "การกระทำ"ที่เราแสดงออกไป ไม่ใช่เราไปบอกคนอื่นว่าเราเป็นคนดีนะ แต่คนอื่นเขาต้องเห็นจากการกระทำที่เราแสดงออกไปต่างหาก และเขาต้องยอมรับจากภายในด้วยถึงจะเรียกว่า Trust "